Sunday, February 26, 2012

12 วิธีบอกรักแทนคำพูด

12 วิธีบอกรักแทนคำพูด

12 Ways to Say “I Love You” (Without Speaking A Word)

ว่ากันว่า ความรักเป็นยาวิเศษช่วยรักษาสารพัดอาการ นอกจากเอ่ยปากบอกรักโดยตรงแล้ว เรายังแสดงความรักให้ครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก ได้ด้วยการกระทำต่างๆ ค่ะ

1. กอดแสดงความรัก เวอร์จิเนีย ซาทีร์ นักจิตวิทยาครอบครัวชาวแคนาดาผู้มีชื่อเสียงอันดับ 5 ของโลก กล่าวว่าคนเราต้องการอ้อมกอดอันอบอุ่นวันละ 12 ครั้ง เพื่อให้จิตใจและร่างกายเติบโต

การกอด โอบไหล่ หรือกุมมือ จึงเป็นภาษาทางกายที่ทำให้อีกฝ่ายมีพลังใจรับมือกับปัญหาและมองเห็นคุณค่าของชีวิต

2. มอบดอกไม้แทนใจ ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของความรักและความปรารถดี เรามอบดอกไม้ให้กันทุกโอกาส ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันพิเศษเท่านั้น เช่น คุณอาจจะทำเซอร์ไพรส์ด้วยจัดดอกไม้ที่คนรักของคุณชื่นชอบเอาไว้ในทั่วทุกมุมของบ้าน เพื่อต้อนรับเมื่อคนรักของคุณกลับจากที่ทำงาน หรือจะเป็นดอกไม้กลิ่นหอมช่อเล็กๆ วางไว้บนหมอน หรือแอบวางไว้ในรถ ให้คนรักของคุณได้อมยิ้มเมื่อได้เห็นค่ะ

3. มอบของขวัญสื่อรัก น้ำหอม ตุ๊กตา รถกระป๋อง อุปกรณ์เทคโนโลยี ฯลฯ หรือสิ่งอื่นใดที่คนรักของคุณชอบหรือกำลังอยากได้ เป็นการบอกรักที่ให้เมื่อไหร่ คนรับเป็นต้องยิ้มแก้มปริ แถมไม่ต้องพูดว่ารักตรง ๆ ก็รู้ว่าคุณรักเขามากแค่ไหน เพราะการให้ของขวัญเป็น วิธีบอกรัก ที่เปรียบเหมือนการใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอีกฝ่าย ถ้าให้ดีวางแผนเซอร์ไพร์สโดยไม่ให้เขารู้ล่วงหน้าด้วยนะ เช่น แกล้งให้เขาไปหยิบของชิ้นนั้นเอง หรือแอบวางไว้ในรถ กระเป๋า หรือที่อื่น ๆ ที่เขาจะต้องเห็นมันแน่ ๆ เป็นต้น

4. การชื่นชมและให้กำลังใจ การชื่นชมด้วยความจริงใจจะช่วยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญและมองเห็นคุณค่าในตัวเองหลีกเลี่ยงคำพูดบั่นทอนความภูมิใจ เพราะนั่นอาจทำให้เกิดการคิดวิตกกังวล จนส่งผลกระทบต่ออารมณ์ที่แสดงออก

5. SMS บอกรัก ถ้าใจไม่กล้าพอจะพูด sms ก็เป็นตัวช่วยส่งสารความรักที่ได้รับความนิยมไม่น้อย แต่ถ้าอยากให้เก๋ไก๋ อาจต้องมีชั้นเชิงกันสักหน่อย เช่น พิมพ์ข้อความบอกรักไว้ก่อนล่วงหน้า (เอาแบบว่าพร้อมส่ง) และในวันสำคัญ ให้บอกคนรักของคุณว่ามีเรื่องจะพูดด้วย พร้อมทั้งทำหน้าและน้ำเสียงแบบจริงจัง แต่มีข้อแม้ว่าต้องเล่นแอ็คติ้งเนียน ๆ หน่อยนะ และเมื่อเขาอยากรู้ ในขณะที่เราก็กำลังจะเอ่ยปากบอก ให้กดส่ง sms ออกไปในทันใด ซึ่งดูเหมือนจะทำให้เสียบรรยากาศ แต่เมื่อเขาได้อ่าน sms หวาน ๆ จากคุณแล้ว รับรองหัวใจหล่นดังตุ๊บแน่นอน

6. โน้ตบอกรัก ทำได้โดยหยิบกระดาษโน้ตขนาดพอน่ารักมาเขียนคำบอกรักหวาน ๆ ชวนจั๊กกะจี้หัวใจ แปะไว้ในทุก ๆ ที่ที่เขาจะสามารถมองเห็นได้ แนะนำว่าเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดี รับรองว่าคนรักของคุณต้องยิ้มไม่หุบแน่ ๆ เลย

7. เพลงซึ้งบอกรัก ใครที่ชอบร้องคาราโอเกะเป็นทุนเดิม วิธีบอกรัก แบบนี้ก็เหมาะเหม็ง การที่คุณชวนคนรักไปดินเนอร์ในร้านอาหารที่มีดนตรีสด คุณอาจเตี๊ยมกับทางร้านไว้ว่าขอคิวขึ้นร้องเพลงสักเพลง และเมื่อเวลาเป็นใจก็โดดขึ้นไปร้องเพลงรักซึ้ง ๆ หรือเพลงที่คนพิเศษของคุณชอบ แต่อย่าลืมบอกผ่านไมโครโฟนไปด้วยว่าเพลงนี้สำหรับหวานใจของคุณเท่านั้น (โอ้...หวานซ้าาา)

8. จดหมายรัก Love Letter นานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้เขียนจดหมายส่งทางไปรษณีย์ งั้น... ลองหยิบกระดาษปากกามาถ่ายทอดความในใจของคุณไปถึงคนที่รักก่อนถึงวันสำคัญ ก็โรแมนติกไปอีกแบบนะว่าไหม

9. บอกรักผ่านดีเจ ถ้าคุณคือผู้ที่กดโทรศัพท์ได้ไวพอล่ะก็ การขอเพลงบอกรักผ่านคุณพี่ดีเจ ก็เป็นวิธีบอกรัก ที่โรแมนติกไม่เบาเลย แต่ต้องแน่ใจว่าเขาคนนั้นก็กำลังฟังเพลงคลื่นเดียวกับคุณอยู่ และนอกจากจะขอเพลงเป็นตัวแทนบอกรักแล้ว อย่าลืมที่จะฝากข้อความหวาน ๆ ถึงเขาด้วยล่ะ

10. บริการบอกรัก เดี๋ยวนี้อะไรก็ไฮเทค ถ้าจะเซอร์ไพร์สด้วย วิธีบอกรัก แบบเด็ดสะระตี่โดนใจโดยไม่ต้องลงมือทำเอง ก็ลองหาบริการบอกรักดูเป็นไงล่ะ ลองเสิร์จหาได้ทางอินเทอร์เน็ต มีเยอะแยะที่บริการทุกระดับประทับใจ อย่างเช่น บริการบอกรักของกลุ่มฟีนิกซ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เคยสร้างปรากฎการณ์รับจ้างบอกรักจนโด่งดังมาก ๆ มาแล้ว

11. ให้เวลา เป็นการให้ความสำคัญกับคนที่รักด้วยการอยู่เคียงข้างในยามที่เขาต้องการเรา คอยรับฟัง ให้คำปรึกษา และมีส่วนร่วมในการเผชิญความทุกข์และความสุข

12. พาไปเที่ยวสถานที่สุดประทับใจ พาครอบครัวไปเที่ยวสถานที่สงบผ่อนคลาย รวมก๊วนเพื่อนฝูงไปค้นหาสถานที่แปลกใหม่ หรือพาคนรักไปดูภาพยนตร์ และร่วมงานฉลองสุดพิเศษ ความรักสานสุขภาวะ ถักทอให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณภาพค่ะ

Monday, February 20, 2012

ช่อดอกไม้เจ้าสาวในงานแต่งงาน (Bridal Bouquet)

ช่อดอกไม้ ของเจ้าสาวในงานแต่งงาน หรือที่ฝรั่งเรียกว่า "Bridal Bouquet" นับเป็นสิ่งที่เจ้าสาวไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่เพิ่มเติมความสวยงามให้กับเจ้าสาวเวลาถ่ายรูปแล้ว ยังสร้างความรื่นเริงให้กับแขกในงานแต่งงานได้อีก นั่นก็คือ "การโยนช่อดอกไม้"

ช่อดอกไม้ จะทำหน้าที่คล้ายคำอวยพรต่อคู่บ่าวสาวเเละยังถูกส่งต่อไปถึงหญิง สาวที่ได้รับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวในช่วงท้ายพิธี ซึ่งจะเป็นการมอบความโชคดีในด้านความรักเเละการเเต่งงานให้กับเธอผู้นั้นทำ ให้การโยนช่อดอกไม้กลายเป็นไฮไลท์ที่เพิ่มสีสันให้กับพีธีเเต่งานได้ดีทีเดียว

ซึ่งหลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกับพีธีการโยนดอกไม้เจ้าสาว แต่ทราบมั้ยคะว่าเจ้าช่อดอกไม้เเสนสวยที่บรรดาสาวๆ คอยยื้อเเย่งกันนั้น มีที่มาเเละความหมายอย่างไร การจัดเเละคัดเลือกช่อดอกไม้เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรพิถีพิถันไม่น้อยไปกว่าการเลือกชุดเเต่งงานของเจ้าสาวเลยทีเดียว ช่อดอกไม้ของเจ้าสาวควรดูกลมกลืนกับชุดเจ้าสาว เพื่อที่จะไม่ดึงความสนใจไปมากนัก ลักษณะการจัดช่อมีทั้งทรงกลมเเละทรงบาง ขนาดของช่อดอกไม้ไม่ใหญ่ หรือเล็กจนเกินไป เมื่อเทียบกับขนาดตัวเเละรูปร่างของเจ้าสาว เเละหากเป็นไปได้ควรเข้ากันกับสไตล์ชุดเจ้าสาว เเละธีมโดยรวมของงาน ไม่ใช่งานแต่งงานธีมสีฟ้าขาว แต่เลือกช่อดอกไม้สีแดงสดก็ดูขัดตาไปนิด เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าช่อดอกไม้โดดเด่นกว่าตัวเจ้าสาว ทางที่ดีเลือกช่อดอกไม้ที่มีสีสันสดใสพอประมาณจะดีกว่าค่ะ

ทั้งนี้ หากชุดเจ้าสาวมีรายละเอียดมากพอแล้ว ให้เลือกช่อดอกไม้สีเรียบๆ แต่ถ้าชุดเป็นแบบเรียบง่าย ไม่มีรายละเอียดมากนัก ก็ควรเลือกช่อดอกไม้ที่มีดีไซน์เก๋ๆ เพราะช่วยส่งให้ชุดเจ้าสาวดูเด่นน่ามองขึ้น ซึ่งดอกไม้เเต่ละชนิดที่นิยมถูกเลือกใช้นั้น มีความหมายที่แตกต่างกันออกไปดังนี้ค่ะ


ดอกกุหลาบ (Rose Flowers)
ดอกไม้ที่เป็นตัวเเทนของความรัก เเละใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด ช่อดอกกุหลาบในมือของเจ้าสาวสื่อความหมายถึงความรักอันโรแมนติก ความสวยงาม เสน่ห์ดึงดูด เเละรักแท้ระหว่างคู่บ่าวสาว


ดอกลิลลี่ ออฟ เดอะวาลเลย์ (Lily of the Valley Flowers)
ลักษณะคล้ายรูประฆังโบสถ์ เป็นดอกไม้อีกชนิดที่เป็นที่นิยม เพราะสามารถเข้ากันได้ดีกับชุดเจ้าสาว ด้วยสีที่ขาวสะอาดบริสุทธ์ ซึ่งสื่อความหมายได้ถึงความสุขของเจ้าสาวและเส้นทางที่จะนำไป พบความสุขเหมือนดังได้อยู่บนสรวงสวรรค์


ดอกคาลล่าลิลลี่ (Calla Lily Flowers)
ลักษณะคล้ายทรัมเป็ต สื่อถึงความหรูหรา สง่างามของเจ้าสาว ซึ่งจะโดดเด่นตราตรึงอยู่ในใจของเจ้าบ่าวตลอดไป


ดอกทิวลิป (Tulip Flowers)
เป็นตัวแทนของความรักที่เต็มเปี่ยมระหว่างคู่สมรสและเเทนความสุขสดใหม่ของความรักตลอดไป


ดอกเรนันคูลัส (Ranunculus Flowers)
ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกับดอกกุหลาบ แต่จะมีกลีบดอกสั้นเเละซ้อนตัวกันหนาเเน่นกว่าดอกกุหลาบ หมายถึง การตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้งของคู้บ่าวสาว

Tuesday, February 14, 2012

วันวาเลนไทน์ (Valentine's Day)

Valentine's Day หรือ วันแห่งความรัก ในสมัยจักรวรรดิโรมัน มีนักบุญคนหนึ่งชื่อ นักบุญวาเลนไทน์ (Saint Valentine) ซึ่งเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยความรักที่มีีต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริงโดย ทุกๆ วันเขาได้แอบนำอาหารและของใช้ที่จำเป็นไปวางไว้ที่ประตู บ้านของคนยากจน โดยที่พวกคนเหล่านั้นไม่รู้ ด้วยความรักแบบ ชาวคริสต์ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์นี้เองทำให้เขาต้องจบชีวิตลงด้วยการ รับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 เนื่องจากที่ คนในสมัยนั้นยังไม่ี่ยอมรับในศาสนาคริสต์ และใครที่นับถือศาส นาคริสต์จะมีความผิดร้ายแรงมาก

ก่อนที่เขาจะูถูกประหาร นักบุญ “วาเลนตินัส” ได้ถูก จับและูถูกทรมารเพื่อจะบังคับให้เขาเลิกนับถืิอศาสนาคริสต์ตอนที่ เขาอยู่ในคุกนั้นเอง เขาได้พบรักกับหญิงตาบอดคนหนึ่ง หญิง คนนั้นตาบอดสนิท และเธอคือลูกสาวของผู้คุมขังในนั้น ด้วย ความรักและคำอธิษฐานของเขาพระเจ้าได้ทรงโปรดให้ตาของคน รักของเขาได้เห็นเป็นปกติ จากการอัศจรรย์ครั้งนี้เองทำให้ผู้คุม ขังและคนในครอบครัวได้เชื่อพระเจ้าทุกคน เรื่องนี้ก็ได้รู้ไปถึง จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ของโรม พระองค์ทรงกริ้วมากจึงมีรับสั่้ง ให้ลงโทษเขาด้วยการประหารชีวิต และในคืนก่อนที่จะมีการ ประหารชีวิตโดยการตัดศีรษะนั้นเอง เขาได้เขียนจดหมายถึงคน รักของเขาว่า from your valentine "จากวาเลนไทน์ของเธอ" วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 วาเลนตินัสก็ถูกประหารชีวิตแล้ว ศพของเขาก็นำไปฝังไว้ที่ เฟลมิเนี่ยนเวย์ ต่อมาเพื่อเป็นการระลึกถึงชีวิตและความรักที่มีต่อเพื่อน มนุษย์อย่างแท้จริงของเขาก็ได้มีการสร้างโบสถ์หลังใหญ่คร่ิอมบน หลุมฝังศพของเขา

เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่คนทั่วไป ประทับใจในความรักอันยิ่งใหญ่ ของนักบุญคนนี้ ซึ่งต่อมาภายหลัง จึงได้ยึดถือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันวาเลนไทน์ "วันแห่งความรัก" ภาษาอังกฤษคือ "Saint Valentine’s Day" หรือ "Valentine ‘s Day"

วันวาเลนไทน์ (Valentine's Day) วันนักบุญวาเลนไทน์ (Saint Valentine's Day) หรือที่รู้จักกันว่า วันแห่งความรัก ที่ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ยังเป็นวันประเพณีที่คู่รักบอกให้กันและกันให้ทราบเกี่ยวกับความรักของพวกเขา โดยการส่งการ์ดวาเลนไทน์ มอบของขวัญวาเลนไทน์ หรือพาคนรักไปท่องเที่ยวในสถานที่โรแมนติก ซึ่งต่อมาวันวาเลนไทน์ก็ได้นิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรปและอเมริกา จนเข้ามาในทวีปเอเชียรวมถึงประเทศไทยเราด้วยค่ะ

วันนี้เราจึงขอเสนอ 20 คำพูด ที่จะแสดงความรักเป็นภาษาอังกฤษ จาก Twitter ของคุณแอนดรูว์ บิกส์ (credit: Twitter@andrewbiggs) เลือกอันใดอันหนึ่งแล้วส่งไปให้กับคนที่คุณรัก หรือแอบรักนะค่ะ

1. I love you.
2. I love you very much.
3. I’m in love with you.
4. I’m deeply in love with you.
5. I’m falling in love with you.
6. I’m head over heels in love with you.
7. I adore you.
8. I worship the ground you walk on.
9. I’m besotted with you.
10. I can’t imagine my life without you.
11. You are the light of my life.
12. You light up my life.
13. I will love you until the day I die.
14. You complete me.
15. I cannot live without you.
16. There is nobody but you.
17. I love you more than words can say.
18. Nothing is greater than my love for you.
19. You are the best thing that ever happened to me.
20. We’ll never be apart.

ตบท้ายด้วยสุภาษิตภาษาอังกฤษเกี่ยวกับความรักอีก 6 สุภาษิตค่ะ

1. Love makes the world go round. = ความรักทำให้โลกหมุนได้
2. All’s fair in love and war. = ทุกอย่างถือว่ายุติธรรมในความรักและสงคราม
3. Love and a cough cannot be hidden. = ความรัก และการไอ เป็นสองอย่างที่ไม่สามารถปิดบังได้
4. Love me, love my dog. = ถ้ารักฉันก็ต้องยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับฉัน รวมถึงหมา
5. Love is blind. = ความรักเป็นสิ่งที่ตาบอด
6. All you need is love. = สิ่งเดียวที่สำคัญคือ ความรัก


สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะค่ะ

Friday, February 10, 2012

การเขียนการ์ดขอบคุณ หลังงานแต่งงาน (Writing Wedding Thank You Guide)

การเขียนการ์ดขอบคุณ หลังงานแต่งงาน

หลังวันแต่งงานอันเหน็ดเหนื่อยได้ผ่านพ้นไป แม้ว่าคู่บ่าวสาวอยากจะเอกเขนกพักผ่อน หรือดื่มด่ำกับห้วงเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์อันแสนสุขมากแค่ไหน ก็ไม่ควรละเลยที่จะเขียนการ์ดเพื่อแสดงความขอบคุณในไมตรีจิตของแขกเหรื่อ ที่ตั้งใจนำของขวัญมาร่วมอวยพรในวันแต่งงานของคุณทั้งคู่

การเขียนการ์ดขอบคุณถือเป็นการแสดงออกของคู่บ่าวสาว ถึงความซาบซึ้งใจในไมตรีจิตของแขกทุกคนที่มาร่วมงาน ไม่ว่าแขกท่านนั้นจะมอบคำอวยพรเป็นเงิน เป็นของชำร่วยแต่งงาน หรือออกแรงช่วยจัดแจงการดูแลงานในส่วนต่างๆ ให้ออกมาอย่างเรียบร้อย

การกล่าวคำขอบคุณที่แขกเหล่านั้น ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาพงานเลี้ยงในวันนั้นออกมาสวยสมบูรณ์แบบ เป็นที่จดจำตลอดไป จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย ซึ่งการจะเริ่มต้นเขียนการ์ดขอบคุณให้กับแขกได้อย่างครบถ้านั้น เริ่มต้นได้โดย

1. เตรียมสมุดจดโน้ตเปล่าๆ ขนาดกระทัดรัด

2. แบ่งรายการของขวัญที่ได้รับออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ เงิน, ของขวัญ, และอื่นๆ

3. กรณีเป็นกล่องของขวัญ ให้อ่านการ์ดที่แนบมากับของขวัญ พร้อมกับบันทึกผู้ที่มอบให้ในหมวดของขวัญ รวมทั้งใส่รายละเอียดของของแต่ละชิ้นลงไปด้วย เพื่อจะได้เขียนการ์ดขอบคุณได้อย่างถูกต้อง

4. กรณีได้รับของขวัญเป็นเงิน ให้บันทึกชื่อผู้ที่มอบให้ในหมวดเงิน พร้อมเปิดซองนับจำนวนเงินเพื่อจดบันทึก

5. จดรายการของชนิดอื่นๆ ที่ได้รับ เช่น การ์ดอวยพร หรือการออกแรงช่วยจัดแจงในงาน ไว้ในหมวดอื่นๆ สำหรับผู้ที่ช่วยจัดแจงในงาน นอกจากระบุรายละเอียดว่าช่วยทำอะไรแล้ว ให้บันทึกเพิ่มเติมว่าจะมอบของขวัญแทนคำขอบคุณเป็นอะไร เช่น แพ็คเกจที่พัก หรือบัตรของขวัญจากห้างสรรพสินค้า

หมายเหตุ : ในการบันทึกรายการของขวัญทั้งหมดนั้น ไม่ใช่เพียงเพื่อการเขียนการ์ดขอบคุณที่ชัดเจนถูกต้องเท่านั้น แต่ยังสามารถเก็บไว้ดู เมื่อถึงคราวจัดงานของแขกแต่ละท่านที่เคยมาร่วมงาน จะได้ตอบแทนน้ำใจคืนกลับไปอย่างเหมาะสม


เมื่อแยกหมวดหมู่เรียบร้อย ทราบว่าใครให้อะไรเป็นของขวัญ จากนั้นก็สามารถลงมือเขียนการ์ดขอบคุณได้โดยเริ่มจาก...

1. เลือกสีกระดาษที่สุภาพ โดยทั่วไปจะใช้สีงาช้างขาวนวล หรือกระดาษสีขาวสะอาดตา หรือเลือกใช้การ์ดขอบคุณรูปแบบสวยๆ ที่มีขายสำเร็จรูปในร้านการ์ดของชำร่วย

2. เลือกปากกาหมึกสีน้ำเงินเข้มหรือสีดำ เพราะดูสุภาพและเป็นทางการสำหรับเขียนข้อความขอบคุณ แล้วหาที่นั้งเหมาะๆ ที่จะใช้เวลานั่งสบายๆ อยู่ได้นานๆ เพื่อเขียนการ์ดขอบคุณ โดยอาจเปิดเพลงบรรเลงคลอสร้างความรู้สึกเพลิดเพลินไปด้วยก็ได้

3. ก่อนที่จะลงมือเขียนการ์ดขอบคุณ ควรคิดข้อความที่จะเขียนให้เรียบร้อยก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องขูด ลบ ขีด ฆ่า ให้เลอะเทอะ หรือเปลี่ยนการ์ดแผ่นใหม่ให้สิ้นเปลืองหากข้อความที่เขียนนั้นไม่ลงตัว

4. เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เริ่มลงมือเขียนการ์ดขอบคุณ โดยระบุชื่อผู้ที่เขียนถึง พร้อมกับกล่าวถึงของขวัญที่ได้รับว่าสร้างความประทับใจ และคุณทั้งคู่รู้สึกชอบของขวัญนั้นเพราะอะไร เพื่อให้ผู้ที่ได้รับการ์ดมั่นใจว่าคุณทั้งคู่ได้รับของขวัญที่มอบให้จริงๆ

5. กรณีที่ได้รับเป็นของขวัญ หากต้องการให้ผู้รับการ์ดประทับใจ พยายามอย่าเขียนการ์ดขอบคุณด้วยข้อความกลางๆ เหมือนกันทุกใบ โดยไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับของขวัญ

6. กรณีที่ได้รับเงินเป็นของขวัญ ไม่จำเป็นต้องระบุจำนวนเงินที่ได้รับลงไปในการ์ดขอบคุณ นอกจากจำนวนเงินของขวัญที่ได้รับเป็นจำนวนเงินก้อนใหญ่ และนอกจากคำขอบคุณแล้วควรจะบอกว่าจะนำเงินนั้นไปทำประโยชน์อย่างไร เพื่อให้ผู้รับได้รู้สึกปลาบปลื้ม

7. เมื่อเขียนการ์ดอวยพรในแต่ละใบเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมลงชื่อของคุณทั้งคู่ให้ชัดเจน

ขณะที่นั่งเขียนการ์ดขอบคุณ หากรู้สึกเมื่อยหรือไม่สบายตัวจะลุกไปผ่อนคลายบ้างก็ได้ แล้วกลับมาทำต่อให้เสร็จ เพราะถ้าผลัดวันประกันพรุ่งขอไปเขียนต่อวันอื่น คุณอาจจะไม่ว่างที่จะกลับมานั่งเขียนอีกจนครบทุกคน

กรณีการแต่งงานที่จัดเป็นงานขนาดใหญ่ มีแขกมาร่วมงานจำนวนมาก เมื่อแน่ใจว่าได้เขียนการ์ดขอบคุณสำหรับของขวัญราคาสูง หรือเงินของขวัญจำนวนมาก และผู้ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยจัดงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถอนุโลมให้คู่บ่าวสาวใช้การ์ดขอบคุณที่เป็นข้อความกลางๆ ส่งให้แขกท่านอื่นๆ ที่มาร่วมงานเพื่อแสดงความขอบคุณ จึงเป็นอันว่าภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานได้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ


credit by IDO


http://ribbongiftshop.lnwshop.com/article
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...