Showing posts with label การเลือกซื้อ. Show all posts
Showing posts with label การเลือกซื้อ. Show all posts

Monday, February 21, 2011

เคล็ดลับ วิธีการเลือกซื้อ แหวนเพชร สำหรับงานหมั้น หรืองานแต่งงาน

เคล็ดลับ วิธีการเลือกซื้อ แหวนเพชร สำหรับงานหมั้น หรืองานแต่งงาน
(Guide to Selecting and Buying Diamond Engagement Wedding Rings)


1. กำหนดงบประมาณ และรู้ถึงความต้องการ - ตัวอย่างเช่นคุณต้องการใช้สำหรับวันสำคัญเช่น วันหมั้นหรือวันแต่งงาน ขนาดของเพชรไม่ว่าเม็ดเล็กหรือเม็ดใหญ่ ไม่ใช่อุปสรรคหรือปัญหาสำคัญของ "ความรัก" แม้แต่น้อย เพราะจุดมุ่งหมายสำคัญของการซื้อแหวนเพชรสำหรับการแต่งงาน นั้นก็เพื่อเป็นที่ระลึกถึงวันสำคัญ ของการใช้ชีวิตคู่กับคนที่เรารัก หรือเป็นข้อเตือนสติเตือนใจทุกครั้งที่มองดูแหวนวงนี้ว่า เราโชคดีที่ได้พบ "คู่ชีวิต" ที่เรารักและเลือกแล้ว ซึ่งจะเป็นคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข ห่วงใยเอื้ออาทรต่อกัน ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่ดีงาม ต่อจิตใจทั้งสิ้น ฉะนั้นท่านจะซื้อแหวน ที่ประดับเพชรเม็ดเล็กนิดเดียว น้ำหนักแค่ 10 สตางค์ หรือร่ำรวยมีเงินทองมากมายจะซื้อเพชรขนาดใหญ่เม็ดละ 10 กะรัตก็ตาม แต่สำหรับ "ความหมายทางใจ" แล้วย่อมไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย

เคล็ดลับ วิธีการเลือกซื้อ แหวนเพชร สำหรับงานหมั้น หรืองานแต่งงานสมมุติว่าคุณมีเงินหรืองบประมาณในการซื้อแหวนเพชรอยู่จำนวน 30,000 บาท แต่ไม่ทราบว่าจะซื้อแหวนเพชรที่พอจะดูดีหรือไม่ เรื่องนี้ก็เช่นกันว่าจำนวนเงินย่อมไม่เป็นอุปสรรคอันใด เช่นเดียวกับขนาดของเพชร เงินจำนวนนี้ท่านสามารถซื้อเพชรเดี่ยวหนึ่งเม็ด ที่มีน้ำหนักประมาณ 30 สตางค์ และมีคุณภาพดีได้ ในราคาประมาณ 22,000 – 25,000 บาท ส่วนจำนวนเงินที่เหลือจะจ่ายให้เป็นค่าเรือนแหวน หรืออาจจะได้เพชรเม็ดเล็กๆ ขนาด 5 สตางค์ อีก 2 เม็ด เพื่อประดับประดาบนบ่าแหวนได้อีกด้วย

2. ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม - กำหนดคุณสมบัติเพชรที่ต้องการ เนื่องจากเพชรมีราคาสูง จึงควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 4C's อันได้แก่ น้ำหนักเพชร (Carat) สีของเพชร (Color) ความสะอาดของเพชร (Clarity) การเจียรนัย (Cut) และปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อความสวยงามของเพชร เมื่อมีความรู้พอสมควร คราวนี้ก็ได้เวลาตัดสินใจแล้วว่า เราจะให้ความสำคัญกับปัจจัยใดมากกว่า เช่น ถ้าเราอยากได้เพชรน้ำสวยๆ สีขาวพิเศษ เราก็อาจกำหนดคุณสมบัติเพชรที่ต้องการเป็น น้ำ 98 (F) ความสะอาด VS1 การเจียรไนเป็น Very good ขึ้นไป [สำหรับเซอร์ HRD แนะนำคุณภาพ 2VG (Very good/Very good) กรณีเป็นเซอร์ GIA/IGI แนะนำคุณภาพ 3VG (Very Good/Very Good/Very Good) ขึ้นไป เซอร์ GIA, IGI จะมีเกรด Excellent ด้วย] หรือในกรณีที่เราต้องการเพชรคุณภาพปานกลาง แต่ขอใหญ่ไว้ก่อน ก็อาจเลือกเป็น H/VVS2 ขนาด 60 ตังค์แทนก็ได้

3. สำรวจตลาดเมื่อเราตั้งงบประมาณ - และมีคุณสมบัติเพชรในใจแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาลองสำรวจตลาดแล้ว ลองเปรียบเทียบราคาเพชรดูสักสอง สามร้าน เราก็จะพอได้ไอเดียคร่าวๆ แล้วว่าราคาเพชรที่เราต้องการประมาณเท่าไหร่ จำไว้ว่าให้เทียบเพชรที่เกรด คุณภาพเดียวกันเสมอ ไม่ใช่ว่าดูร้านนึงเป็น G/VS1 ถูกกว่าอีกร้านที่เป็น E/VS1

สำหรับเพชรที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ (เช่น 30 ตังค์ขึ้นไป) แนะนำให้ซื้อเพชรที่มีเซอร์เท่านั้นนะครับ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเพชรแท้ (ไม่ใช่ เพชรโมอีส หรือคิวบิก) และคุณภาพตรงกับที่ทางร้านกล่าวอ้าง

4. เลือกร้าน/เลือกเพชร - หลังจากลองสำรวจตลาดดูสักสอง สามร้านแล้ว เราคงจะได้ร้านที่ถูกใจทั้ง ราคา คุณภาพและการบริการ คราวนี้ก้อถึงเวลาเลือกซื้อเพชร นอกจากควรพิจารณาเพชรจากหลัก 4Cs แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรระวังเวลาเลือกซื้อเพชรอีกหลายประการอย่างเช่น ให้สังเกตใน certificate ว่าเพชรมีฟลูออเรสเซนรึป่าว ถ้าไม่มี หรือถ้ามีเป็น slight, faint (จางๆ) ถือว่าดี แต่ถ้าเป็น medium หรือ strong อันนี้ไม่ดีประกายเพชรจะหมองและเพชรดูฝ้า

จุดสังเกตอีกอันที่ควรระวังคือ เรื่องความลึกของเพชรครับ %(เปอร์เซ็น)ความลึกของเพชร (ความลึกเพชร/เส้นผ่านศูนย์กลางเพชร) ไม่ควรเกิน 63% ไม่งั้นเพชรจะดูหน้าแคบ และเล็กกว่าที่ควรจะเป็น สุดท้ายที่ควรระวัง คือความหนาของขอบเพชร (girdle) ครับ ขอบเพชรที่ดีจะอยู่ระหว่าง Thin-Slightly thick (บางถึงหนาเล็กน้อย) ถ้าเป็น medium ก็ดี แต่ถ้าเป็น Very thin, thick, very thick ไม่ค่อยดี ถึงขั้นตอนนี้เราคงเหลือเพชรให้พิจารณาอีกไม่กี่เม็ดแล้ว

ส่วนการเลือกร้านขายเพชร ควรเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ ยิ่งถ้าคุณดูเพชรไม่เป็นเลย คุณควรที่จะซื้อกับผู้ขายที่เชื่อถือได้ หรือมีการแนะนำผ่านกันมาว่า ไว้ใจได้และขายเพชรที่มีคุณภาพดีให้กับลูกค้า

5. ตรวจสอบเพชรอย่างละเอียด - ลองตรวจสอบเพชรแต่ละเม็ดอย่างละเอียดอีกครั้ง ถ้าเพชรมียิงเลเซอร์เบอร์ certificate ที่ขอบ ลองดูว่าหมายเลขตรงกันรึป่าว หรือถ้าเป็นเพชรที่อยู่ในซีลที่ยังไม่แกะก็ดี ลองใช้ loupe ส่องดูเพชรอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ามีตำหนิที่มีสี ที่เห็นได้ง่ายรึป่าว ถ้าเราสามารถเห็นตำหนิได้ง่ายๆ แสดงว่าเพชรเม็ดนั้นเกรดต่ำกว่า VS2 เป็น SI แล้ว ถ้าเราหาแล้วหาอีกไม่เจออาจเป็น VVS หรือ VS ก็ได้ ถ้าในใบเซอร์มีการพล็อตตำแหน่งตำหนิ ให้เลือกเม็ดที่มีตำหนิอยู่ที่ขอบๆ หรือด้านหลังจะดีกว่าเพชรที่มีตำหนิกลางหน้า

ถ้าคุณอยากจะทราบหรือมั่นใจว่าเงินที่คุณจ่ายให้ผู้ขายนั้น จะได้สินค้าที่มีคุณภาพอย่างไร คุณก็สามารถให้ผู้ขายเขียนใบรับรอง ระบุรายละเอียดของแหวนวงที่คุณซื้อได้ เช่น
เคล็ดลับ วิธีการเลือกซื้อ แหวนเพชร สำหรับงานหมั้น หรืองานแต่งงาน- เบลเยียมคัตขนาด 10 สตางค์ จำนวน 10 เม็ด
- เพชรรัสเชียนคัตขนาด 55 สตางค์ 1 เม็ด
- ตัวเรือนแหวนทำด้วยทองคำ 90 % น้ำหนัก 10 กรัม
ฯลฯ

หรือถ้าคุณซื้อเพชรขนาดใหญ่ น้ำหนัก 50 สตางค์ (ครึ่งกะรัต) ขึ้นไป คุณอาจขอให้ทางร้าน หรือผู้ขายเพชรนำเพชรเม็ดที่ท่านตกลงใจซื้อ ไปให้สถาบัน อัญมณี หรือห้องแล็บต่างๆ ตรวจสอบคุณภาพเพื่อออกใบรับรองก็ได้ แต่ถ้าเป็นเพชรเม็ดเล็ก ให้ผู้ขายเขียนใบรับรองให้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

สำหรับกรณีที่เพชรเม็ดนั้นเป็น Heart&Arrow วิธีตรวจสอบให้สังเกตว่าเห็นลูกศรชัดเจนทั้ง 8 ดอกและมีขนาดเท่ากัน เมื่อมองจากด้านหน้าเพชร และเมื่อมองจากด้านหลังเพชร เป็นรูปหัวใจชัดเจนแปดดวง และมีขนาดเท่ากัน

6. การเลือกตัวเรือน - หลังจากเลือกเพชรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเลือกตัวเรือนแล้วว่าจะใช้เป็น white gold, pink gold หรือถ้างบประมาณอำนวย ก็อาจเลือกเป็น platinum (ซึ่งราคาจะแพงกว่าทอง 2-3 เท่า แต่สีเงินตามธรรมชาติและไม่ดำ ข้อควรระวังสำหรับ platinum คือไม่สามารถแก้ขนาดขึ้นลงได้มากนักในภายหลัง ถ้าเราเป็นคนที่น้ำหนักเปลี่ยนแปลงขึ้นลงมากๆ ไม่แนะนำ) เมื่อได้แบบที่ถูกใจ ถ้าเป็นไปได้ให้ลองสวมด้วย เพราะบางครั้งแหวนดูสวย แต่พอใส่แล้วไม่เหมาะกับนิ้วเราก็เป็นได้

7. ปัจจัยอื่นๆ - ปัจจัยอื่นๆที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อเลือกซื้อแหวนเพชร เราควรสอบถามเรื่องนโยบายการขายคืน หรือการแลกซื้อวงใหม่ด้วย บางครั้งเราอาจคิดว่าไม่สำคัญ แหวนแต่งงานเรา เราไม่ขายอยู่แล้ว แต่อนาคตไม่แน่นอน เราอาจร้อนเงินภายหลังก็ได้ ถ้าไม่สอบถามหรือตกลงกันให้เรียบร้อย ภายหลังเราต้องการนำมาขายคืนเกิดทางร้านไม่รับซื้อ เสียความรู้สึกแย่เลย ควรตกลงกันให้เรียบร้อย ถ้าจะให้ดีเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรยิ่งดี อีกเรื่องคือการบำรุงรักษาครับ สอบถาม ตกลงกันให้เรียบร้อยว่า ถ้านำมาขัดชุบมีบริการให้ฟรีรึป่าว หรือเสียค่าบริการยังไง เคยเจอบางร้านคิดค่าขัดชุบแหวนตั้ง 1000 บาท แพงมากๆเลย บางคนไม่ทราบคิดว่าราคานี้เป็นราคาปกติ จริงๆแล้วค่าขัดชุบสำหรับเครื่องประดับชิ้นเล็กๆอย่าง แหวน จี้ ไม่น่าเกิน 300-400 บาท แต่ถ้าเป็นเครื่องประดับชิ้นใหญ่อย่าง สร้อยคอ เป็นไปได้ว่าอาจถึงหลักพัน

Diamond Color's Chart
Diamond Color's Chart

Diamond Clarity Chart


ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.geleediamond.com
http://www.jabchai.com
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...