Showing posts with label งานแต่งงาน. Show all posts
Showing posts with label งานแต่งงาน. Show all posts

Friday, January 25, 2013

เพลงรักยอดนิยมใหม่ๆ สำหรับงานแต่งงาน 2012-2013

(New Popular Wedding Songs for 2012-2013)

เสียงเพลงที่ใช้ในงานแต่งงาน ถือเป็นตัวแทนสื่อความหมาย แทนความรัก ความรู้สึกที่มีต่อกันระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้ดี ดังนั้นไม่ว่าดนตรีในงานแต่งจะเป็นอย่างไร จะใช้ดีเจมาเปิดแผ่น หรือมีนักดนตรีมาแสดงสด ก็คงไม่สำคัญเท่ากับเพลงเพลงนั้นคือ เพลงอะไร มีความหมายอย่างไร และเพื่อให้ถูกใจคู่บ่าวสาว เจ้าของงานควรจะเป็นคนเลือกเพลงเอง

สำหรับคู่รักหรือคู่บาวสาวที่กำลังจะจูงมือกันเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ในเร็ววันนี้ ก็คงจะวุ่นไม่น้อยกับเรื่องของการหาเพลงที่จะนำมาใช้ประกอบในงานแต่งงานของคุณ หลายคู่อาจจะเบื่อกับเพลงรักที่นิยมใช้กันมากมายในงานแต่งงานเกือบทุกงาน อยากได้เพลงรักใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับงานแต่งงานของคุณ วันนี้ทาง Wedding Marriage Love ของเราจึงได้รวบรวมเพลงรักยอดนิยมใหม่ๆ มาอัพเดทให้คู่รักที่กำลังจะแต่งงานในช่วงนี้ได้ลองพิจารณากันดูค่ะ

หวังว่านี่คงเป็นแนวทางให้คู่รัก ที่กำลังจะมีงานแต่งงานในเร็ววันนี้ ได้นำเพลงฮิตติดกระแสความนิยมเหล่านี้ ไปใช้ในงานแต่งงานในปี 2012-2013 นะค่ะ

เพลงรักยอดนิยมใหม่ๆ สำหรับงานแต่งงาน 2012-2013

......................................................................................................................................................
* เพลงน่ารักเพลงนี้ยังเหมาะสำหรับคู่บาวสาวที่ต้องการร้องเพลงคู่กันบนเวทีด้วยค่ะ
** เพลงน่ารักเพลงนี้ เหมาะสำหรับช่วงโยนดอกไม้ค่ะ
......................................................................................................................................................

เพลง ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ // ดา เอ็นโดรฟิน

เพลง สักวันที่ฉันมีเธอ // Tong & Jinnie

เพลง เมื่อสองเราได้พบกัน // แก้ม The Star

เพลง ลูกอม // WhatChaRaWaLee (วัชราวลี)

เพลง คู่ชีวิต // Superbaker

เพลง ที่สุดในโลก // Instinct (*)

เพลง ที่รัก // ปราโมทย์ ปาทาน

เพลง ที่รัก (feat.แพตตี้) // ปราโมทย์ ปาทาน (*)

เพลง ให้รักมันโตในใจ // ณเดช

เพลง อาการรัก // ญาญ่า อุรัสยา

เพลง แอบชอบ // ละอองฟอง

เพลง อยู่ๆ ก็มาปรากฏตัวในหัวใจ // Pijika (พิจิกา)

เพลง เธอจะรักฉันได้ไหม // INSTINCT

เพลง ทราย // WhatChaRaWaLee (วัชราวลี)

เพลง คนข้างๆ // 25 hours

เพลง ใจกลางความรู้สึกดีดี // เอ๊ะ จิรากร

เพลง ไม่ใช่ความลับ // เอ๊ะ จิรากร

เพลง คนบนฟ้าต้องการให้รัก // Aof & Lydia (*)

เพลง ไม่มีใคร ยังไงก็มีเธอ // ป๊อบ ปองกูล

เพลง ฉันต้องคู่กับเธอ // ROOM39 (*)

เพลง Paradise // เบล นันทิตา

เพลง คนที่แสนดี // Feat.คิว Flure Tony Phee (โทนี่ ผี)

เพลง รักเธอ 24 ชั่วโมง // แกงส้ม The Star

เพลง คนบนฟ้า // PARADOX

เพลง เอิ้ว (เพลงประกอบภาพยนตร์30+โสด on sale) // Lipta (ลิปตา) (**)

เพลง คำสำคัญ // บี พีระพัฒน์

เพลง มันคงเป็นความรัก// STAMP (แสตมป์ อภิวัชร์)

เพลง ฤดูความรักผลิ / Lula (ลุลา)

เพลง วันที่สวยงาม // พิช วิชญ์วิสิฐ

เพลง แต่งงาน // Slur feat. Lemon soup

เพลง แต่งงาน (Wedding Song) // ก้อ ณฐพล feat. บุรินทร์

เพลง Will you marry me // ปั๊บ Potato Feat.Lula (*)

เพลง ไม่มีทางไม่มีเธอ (Always Da One) : Timethai (ธามไท)

เพลง บทสรุปของหัวใจ // อาร์ต - ปลาทอง KPN (*)

เพลง คนสำคัญประจำบ้าน // พลพล

เพลง แทน // จุ๊บ วุฒินันต์ - อุ๋ม วฤตดา โดย บอยด์ โกสิยพงษ์

เพลง เมื่อวันเวลาของเรามาบรรจบกัน // ตู่ ภพธร

เพลง คือเธอ // บอย Peacemaker

เพลง ใช่ที่สุดหยุดที่เธอ // แก้ม The Star

เพลง iLove // Synkornize

เพลง lady // 25 Hours

เพลง ไม่คิดไม่ฝัน : Sixty Miles

เพลง Marry You // Bruno Mars

เพลง Marry me // Train

Friday, August 3, 2012

ประมวลภาพ คลิป งานหมั้น งานแต่งงาน ผู้จัดละคร "จ๋า ยศสินี ณ นคร" กับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ "เปิ้ลณัฐบูร ไตรณัฐี"


(Yossinee & Nattaboon - Love is a journey - Surprise Party, Engagement and Wedding)

ประมวลภาพ คลิปวีดีโอ งานหมั้น งานแต่งงาน ผู้จัดละคร "จ๋า ยศสินี ณ นคร" กับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ "เปิ้ล ณัฐบูร ไตรณัฐี"

ได้ฤกษ์ลั่นระฆังวิวาห์อีกคน สำหรับผู้จัดละครคนเก่ง จ๋า ยศสินี เข้าโบสถ์แต่งงานตามศาสนาคริสต์กับเจ้าบ่าวนักธุรกิจ เปิ้ล ณัฐบูร ไตรณัฐี  เมื่่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ส.ค. 2555 ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นของญาติพี่น้อง และเพื่อนพ้องในวงการบันเทิง และในช่วงค่ำทั้งคู่จะมีงานเลี้ยงฉลองสมรส ณ โีรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล

บรรยากาศภาพ งานแต่งงานที่โบสถ์ และงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ของ
ผู้จัดละคร "จ๋า ยศสินี ณ นคร" กับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ "เปิ้ลณัฐบูร ไตรณัฐี"






เครดิตภาพ / ชมภาพเพิ่มเติม : www.facebook.com/NARAKORNPHOTOGRAPHY


พิธีหมั้น - พิธีแห่ขบวนขันหมาก  ผู้จัดละคร "จ๋า ยศสินี ณ นคร" กับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ "เปิ้ลณัฐบูร ไตรณัฐี"

นับว่าเป็นขบวนขันหมากที่หน้าตาดีที่สุดในโลกก็ว่าได้ คงหางานแต่งงานไหนที่มีขบวนขันหมากหน้าตาดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเล่นรวบรวมดาราชื่อดังแห่งวิก 3 อาทิ ณเดช, ญาญ่า ,หมาก ปริญญ์, คิมเบอรรี่,กาละแมร์, บอย ปกรณ์ , มาริโอ้ , เคน ภูภูมิ ,น้องแต้ว ณฐพร และอีกมากมาย ในงานแต่งงานแบบประเพณีไทยของจ๋า ยศสินี ณ นคร กับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ เปิ้ล ณัฐบูร ไตรณัฐี เมื่อเช้านี้ และจะมีพิธีแต่งงานตามศาสนาคริสต์ และในช่วงเย็นจะเป็นงานฉลองสมรสที่โรงแรมโอเรียลเต็ลในวันที่ 1 สิงหาคม 2555

บรรยากาศภาพ ขบวนแห่ขันหมาก และพิธีหมั้น ของ
ผู้จัดละคร "จ๋า ยศสินี ณ นคร" กับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ "เปิ้ลณัฐบูร ไตรณัฐี"











เครดิตภาพ / ชมภาพเพิ่มเติม : www.facebook.com/BuddyWedding


แฟนหนุ่มเปิ้ล ณัฐบูร ทำเซอร์ไพรส์ขอ จ๋า ยศสินี แต่งงาน ...สุดโรแมนติก!

สำหรับคู่รักอีกคู่ของวงการ นั่นคือผู้จัดละครเลือดใหม่ไฟแรงอย่าง จ๋า ยศสินี ณ นคร และแฟนหนุ่มนักธุรกิจ เปิ้ล ณัฐบูร ไตรณัฐี ทั้งคู่ตั้งใจจะจัดงานวิวาห์ภายในปีนี้อยู่แล้ว แต่ล่าสุดเพื่อตอกย้ำความหวาน ว่าที่เจ้าบ่าวก็ได้ทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานสุดโรแมนติกอีกด้วย

ซึ่งหนุ่ม เปิ้ล ณัฐบูร ได้วางแผนเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานชนิดที่แฟนสาวไม่รู้ตัว โดยเชิญญาติผู้ใหญ่ และเพื่อนพ้องทั้งในและนอกวงการ มารวมตัวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญ และทันทีที่ จ๋า ยศสินี เดินเข้ามาภายในบริเวณงาน เปิ้ล ณัฐบูร ก็หยิบไมค์ร้องเพลง Marry You ของ Bruno Mars บรรยากาศงานเต็มไปด้วยความประทับใจ
 
คลิป วีดีโอ บรรยากาศ ช่วงเวลาขอแต่งงานสุดเซอร์ไพรส์ ของ
ผู้จัดละคร "จ๋า ยศสินี ณ นคร" กับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ "เปิ้ลณัฐบูร ไตรณัฐี"

Monday, July 16, 2012

เทคนิคการเชิญแขกมาร่วมงานแต่งงาน

 How to invite guests to a wedding

เทคนิคการเชิญแขกมาร่วมงานแต่งงาน


ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการเทียบเชิญแขกให้มาร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งงาน ก็นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มักจะทำให้ตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเองเป็นกังวล เพราะเกรงว่าแขกจะมาน้อย หรือเกรงว่าแขกจะมามากจนขนาดของสถานที่ ซึ่งอาจจะทำให้สถานที่ หรืออาหารที่จองไว้นั้นไม่เพียงพอต่อแขกที่มาร่วมงาน

วันนี้จึงขอนำเทคนิคง่าย ๆในการเชิญแขกมาฝากกันค่ะ เผื่อเจ้าบ่าว เจ้าสาว จะนำวิธีดังกล่าวไปใช้เป็นแนวทางในการเทียบเชิญแขกที่จะมาร่วมงานในวันสำคัญของคุณทั้งสองคนคะ

ลิสต์รายชื่อแขกทั้งหมดที่จะเชิญมาร่วมงานแต่งงาน

ก่อนอื่นเราควรจดรายชื่อแขกทั้งหมด โดยการให้ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ ของฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาว รวมทั้งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเอง เขียนรายชื่อแขกของตัวเองออกมา เพื่อความสะดวกอาจแยกออกเป็นกลุ่ม ๆ เช่น ญาติฝ่ายเจ้าสาว-ฝ่ายเจ้าบ่าว แขกผู้ใหญ่ของทางคุณพ่อ-คุณแม่ เพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนสมัยเรียนประถม มัธยม สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งในการจดรายชื่อแนะนำให้ใส่ลำดับที่ด้วยค่ะ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการนับจำนวน

คุณควรเชิญใครมาร่วมงานแต่งงานบ้าง?

เจ้าบ่าวเจ้าสาวบางคู่ขี้เกรงใจจึงมักเกิดคำถามว่า จะเป็นการรบกวนหรือเปล่า ในแขกบางรายที่อยู่ไกล หรือไม่สนิทนัก ข้อนี้ขอแนะนำให้คิดง่าย ๆ ว่า เชิญทุกคนที่เรารู้สึกดีกับเค้า แล้วเค้ามีไมตรีกับเรา ไม่ต้องกังวลนะคะว่าจะเป็นการรบกวน เพราะการส่งการ์ดเชิญ หมายถึงการที่เรา หรือผู้ใหญ่ของเรา ยินดีอยากให้เค้าได้มาร่วมเป็นเกียรติในงานแต่งงาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญช่วงหนึ่งในชีวิตของทุก ๆ คน


จำนวนแขกที่เชิญมางานแต่งงาน ต้องสอดคล้องกับงบประมาณ

เพราะการ์ดเชิญ 1 ใบ สามารถเชิญแขกมากกว่า 1 ท่าน เช่น เชิญเป็นคู่ หรือเชิญทั้งครอบครัวที่อาจจะมีสมาชิกได้ถึง 4 ท่าน ดังนั้น จึงต้องคำนวณค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับจำนวนของแขกที่มาร่วมงานด้วย เช่น ค่าอาหาร และค่าสถานที่ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในส่วนของการ์ดแต่งงานและของชำร่วย

การเตรียมการ์ดงานแต่งงาน และ ซอง

การสั่งพิมพ์การ์ดควรสั่งมากกว่าจำนวนที่กะไว้ซักประมาณ 5 % เพื่อสำรองไว้ในแขกบางรายที่เราอาจพลาดหลงลืมไป เราจะได้มอบการ์ดให้เขาได้ทันท่วงที และในส่วนของซอง ขอให้เผื่อซองมากกว่าจำนวนการ์ดไปอีก เพราะมักจะเกิดเหตุการณ์เขียนหรือพิมพ์ชื่อแขกผิดอยู่เป็นประจำ

สิ่งที่ไม่ควรลืมในการเชิญแขกมาร่วมงานแ่ต่งงาน

- ไม่ควรแจกการ์ดแต่งงานก่อนวันงานนานเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้แขกลืมวันงานของคุณ แล้วยังพลอยทำให้ความตื่นเต้น และความอยากมาร่วมแสดงความยินดี ลดน้อยลงไปด้วย ดังนั้น ควรจะเริ่มแจกการ์ดก่อนวันงานประมาณ 6-8 สัปดาห์ โดยเราอาจจะมีการกล่าวเชิญด้วยปากเปล่าก่อนหน้านี้ก็ได้

- แขกที่อยู่ต่างจังหวัด คุณควรส่งการ์ดแต่งงานทางไปรษณีย์ และอย่าลืมแนบคำ "ขออภัยที่มิได้เรียนเชิญ ด้วยตนเอง" ไปด้วย พร้อมทั้งควรโทรศัพท์เช็คซ้ำ ก่อนวันงานประมาณ 2-3 สัปดาห์

- แนบแผนที่จัดงานไว้ในการ์ดแต่งงานด้วย เพื่ออำนวยความสะดวก และแขกจะได้ไม่หลงทาง หรือเข้าผิดงาน คงไม่ดีแน่ ถ้าแขกที่ตั้งใจมางานของเราต้องเสียเวลาในการตามหาสถานที่จัดงานแต่งงาน

- และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือ เจ้าบ่าว เจ้าสาว ต้องไม่ลืมที่จะเชิญแขกคนสำคัญด้วยตัวเองนะคะ โดยเฉพาะแขกผู้ใหญ่ทั้งหลายที่เป็นคนสำคัญของงานแต่งงานของคุณค่ะ


Sunday, April 22, 2012

เพลงและดนตรีประกอบ ที่นิยมใช้ในแต่ละช่วงพิธีสำคัญในงานแต่งงาน (Popular Wedding Ceremony Music & Songs)

การเลือกดนตรีประกอบในแต่ละช่วงพิธีนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ ที่ช่วยให้งานแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น และลงตัว

ดนตรีในงานแต่งงาน ไม่ได้มีแค่เล่นไปอย่างนั้นๆ หรือแค่เป็นส่วนประกอบที่ต้องมีให้ครบ เพราะหน้าที่ที่แท้จริงของดนตรีงานแต่งงานนั้น นอกจากจะช่วยขับกล่อมผู้คนภายในงาน สร้างบรรยากาศในงานให้ชื่นมื่น งานดำเนินไปอย่างราบรื่นแล้ว ดนตรีงานแต่งงานยังจะต้องสามารถสร้างความโดดเด่นของคู่บ่าวสาวให้ถูกจังหวะ และสามารถควบคุมแขกในงานได้ด้วย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากพอสมควรที่จะทำให้ตลอดทั้งงานดำเนินไปอย่างราบรื่นและลงตัว

ดังนั้นการเลือกวงดนตรีที่ดีสักวงหนึ่ง จึงมีความสำคัญสำหรับงานแต่งงานมาก เพราะถ้าได้วงดนตรีกับทีมเครื่องเสียงที่เป็นมืออาชีพ ก็จะทำให้งานแต่งงานของคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับคู่บ่าวสาวคู่ไหนที่มีงบประมาณจำกัดก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะเราสามารถเลือกเพลงที่เหมาะสำหรับในแต่ละช่วงของพิธีเตรียมเอาไว้ แล้วไรท์ซีดีแยกแผ่นในแต่ละช่วงเอาไว้โดยการเขียนกำกับให้ชัดเจน จากนั้นมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมหรือสถานที่จัดงานแต่งงานของคุณเพื่อเปิดในงานต่อไป โดยคุณต้องนัดแนะกับทางเจ้าหน้าที่ที่เปิดแผ่นให้ดีๆ เท่านี้เองค่ะ

สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ให้หาคนมาช่วยคุมเวลา พร้อมกับมีพิธีกรดีๆ อีกสักคน แค่นี้งานแต่งงานของคุณก็จะดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ฉะนั้นมาดูรายละเอียดกันค่ะว่าแต่ละช่วงเหตุการณ์นั้น เพลงไหนเหมาะกับช่วงเวลาสำคัญเหล่านี้บ้าง

การแต่งงานโดยทั่วไป เพลงและดนตรีประกอบ ในช่วงพิธีสำคัญในงานแต่งงาน จะมีดังนี้


1. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง เจ้าบ่าว-เจ้าสาว ถ่ายรูปหน้างาน

เพลงและดนตรีในงานควรจะเริ่มบรรเลงตั้งแต่ช่วงที่แขกเริ่มเข้างาน เพราะไม่อย่างนั้นบรรยากาศในงานจะดูเงียบๆ มีแต่แขกนั่งอยู่ด้วยกันเองเท่านั้น เพราะคู่บ่าวสาวและเจ้าภาพยังต้องคอยต้อนรับแขกอยู่หน้า บางงานที่ไม่มีวงดนตรีอาจจะเปิดแผ่นแทนได้ ถ้าไม่มีดนตรีเลยจะทำให้แขกรู้สึกแปลกๆ ได้

สำหรับเพลงที่ใช้ในช่วงนี้ก็จะเป็นเพลงที่มีเนื้อร้อง หรือเพลงบรรเลงก็ได้ อาจจะเป็นเพลงรักหวานซึ้ง หรือเพลงเกี่ยวกับความรักที่บ่าวสาวชื่นชอบ สักประมาณ 10-15 เพลง เล่นต่อเนื่องกันไป

คลิ๊กดูตัวอย่างเพลงได้ที่นี่


2. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง คู่บ่าว-สาวเดินเข้ามาในงานแต่งงาน

ในงานที่ไม่มี Organizer และไม่มีวงดนตรี ช่วงที่คู่บ่าวสาวเดินเข้างาน ส่วนใหญ่มักจะลืมเปิดเพลงในช่วงนี้ แขกบางคนอาจจะงงๆ ว่าทำไมเพลงเงียบ อีกทั้งยังทำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เดินเข้างานมาไม่ค่อยเด่น กว่าแขกจะรู้เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็อยู่บนเวทีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในตอนนี้ถ้ามีวงดนตรี นักดนตรีจะเปลี่ยนไปเล่นเพลงที่ช้าๆ ซึ้งๆ เพื่อให้แขกในงานรู้และหันไปให้ความสนใจคู่บ่าวสาว พร้อมทั้งยังช่วยควบคุมให้เพลงจบลงพอดีกับที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นไปยืนบนเวทีพอดี

(แอบกระซิบนิดนึงว่าในงานแต่งงานของคุณเคน-คุณหนอ่ย ใช้เพลง "Canon In D" ในช่วงที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในงานด้วยนะคะ)


3. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง เปิดตัวเจ้าบ่าว-เจ้าสาวขึ้นเวที

เพลงเปิดตัวบ่าวสาวจะบรรเลง / ร้อง หลังจากที่พิธีกรกล่าวเชิญบ่าวสาวขึ้นเวที เพลงที่ใช้ขึ้นอยู่กับความชอบของคู่บ่าวสาวเป็นหลัก จะเลือกใดท่อนใดก็ได้คะ แนะนำเป็นเพลงหวานๆ ซึ้งๆ หรือเพลงที่มีท่วงทำนองอลังการ หรือเพลงที่จังหวะเร็ว สนุกสนานก็ยังได้คะ จะเล่นไม่จบเพลง (ประมาณ 1-2 นาที ขึ้นอยู่กับระยะประตูทางเข้าห้องถึงเวที ของแต่ละสถานที่) และเพลงจะค่อยๆ fade out เมื่อคู่บ่าวสาวอยู่บนเวทีเรียบร้อยแล้วคะ

ตัวอย่างเพลงที่นิยมใช้ในช่วง เปิดตัวเจ้าบ่าว-เจ้าสาวขึ้นเวทีนี้ ได้แก่

- A Lover's Concerto
- All I Ask of You
- Canon In D
- Can't Smile Without You
- Fly Me To The Moon
- I Will
- Lamer (Beyond The Sea)
- She
- Top Of The World
- Wedding March (Here Comes The Bride)
- When We Make A Home
- ความรัก
- ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม
- พรหมลิขิต
- เพียงแค่ใจเรารักกัน
- เรื่องมหัศจรรย์
- ลมหายใจของกันและกัน (คู่ทรหด)
- วันที่สวยงาม
- ฤดูรัก


4. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง ดื่มอวยพร หรือ ช่วงมหาฤกษ์

โดยปกติเพลงและดนตรีประกอบในช่วงนี้คือ "เพลงมหาฤกษ์" เพลงมหาฤกษ์มีความยาว 2 เวอร์ชั่น คือแบบสั้น 15 วินาที และแบบยาว 30 วินาที เพลงเมื่อเปิดไปแล้วต้องเปิดให้จบ ห้าม fade จบก่อนเด็ดขาด ส่วนในกรณีเป็น การฉลองสมรสพระราชทาน จะใช้เพลง "สรรเสริญพระบารมี" แทน

เวลาที่เหมาะสมในการบรรเลงเพลงมหาฤกษ์คือ หลังจากที่ประธานอวยพรคู่บ่าวสาวจบ ดนตรีมหาฤกษ์จะต้องสอดรับขึ้นมาทันที และเมื่อดนตรีจบทุกคนในงานจึงจะกล่าวคำว่า "ไชโย ไชโย ไชโย"

ถ้าเป็นการเปิดจากแผ่นควรเลือกเวอร์ชั่นที่เหมาะสมกับงานแต่งงานของแต่ละงาน เพลงมหาฤกษ์แบบวงดุริยางค์กองทัพอาจจะดูยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับงานแต่งบางงาน หรือแบบวงปี่พากย์ไม้แข็งที่ฟังโบราณก็อาจไม่เหมาะกับงานที่ดูหรูหรา ทันสมัย แต่ถ้าเป็นวงดนตรีก็จะสามารถเล่นขึ้นต้นได้ทันทีตอนประธานพูดจบด้วยสเกลของดนตรีที่เหมาะสมกับขนาดและรูปแบบของงานได้มากกว่า

หมายเหตุ:
ตามที่เคยอ่านประวัติ: เพลงมหาฤกษ์ เป็นเพลงที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงพระนิพนธ์ดัดแปลงจากทำนองไทยของเดิม โดยพระองค์ท่านได้ยึดหลักทำนองของเก่า แต่แก้ไขเพียงเฉพาะตอนขึ้นต้นและลงท้ายให้สง่าผ่าเผยขึ้น เพื่อให้การประสานเสียงตามแบบสากล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ฟังเกิดความเร้าใจขึ้นเป็นอันมาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสสั่งให้บรรเลงเป็นเพลงเกียรติยศ ต่อมาก็ใช้บรรเลงกล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันในพิธีมงคลฤกษ์ต่างๆ เช่น งานเปิดป้าย การเจิมศิลาฤกษ์ การกล่าวคำปราศรัย / การกล่าวสุนทรพจน์นอกจากนั้นก็ยังมีมหาฤกษ์แบบสั้น ๆ ที่ใช้ในการอวยพรคู่บ่าวสาว เมื่อเพลงนี้ดังขึ้น ทุกคนในงาน ก็จะยืนขึ้น เป็นการให้เกียรติพร้อมกัน


ส่วนคู่บ่าวสาวคู่ไหนที่อาจจะต้องการความแปลกแหวกแนว ไม่อยากใช้เพลงมหาฤกษ์ในช่วงของการดื่มอวยพร ก็อาจจะใช้เพลงบรรเลงอื่น ที่มีจังหวะที่คล้ายคลึงกันได้ค่ะ ตัวอย่างเช่น
- ดนตรีประกอบภาพยนต์เรื่อง Star Wars

5. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง เปิดฟลอร์เต้นรำ (ถ้ามี)

ช่วงนี้สำหรับงานแต่งงานที่เป็นประเพณีของชาวต่างชาติ ที่คู่บ่าวสาวจะเปิดฟลอร์เต้นรำเป็นคู่แรก จากนั้นจะเป็น Father-Daughter (Bride) Dance, Mother-Son (Groom) Dance ... แนะนำให้เลือกเพลงรักช้าๆ ในจังหวะ waltz , fox trot , หรือ tango


ตัวอย่างเพลงช่วงเปิดฟลอร์เต้นรำ ที่นิยมใช้

- Could I Have This Dance (waltz)
- Fascination (waltz)
- Fly Me to The Moon (swing / waltz)
- It Had To Be You (swing)
- Moon River (waltz)
- The Way You Look Tonight (Fox Trot)
- Tonight I Celebrate My Love (Fox Trot)



6. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง ร้องเพลง Surprise ให้กันระหว่างคู่บ่าวสาว (ถ้ามี)

อาจเป็นเพลงที่ตั้งใจจะร้องให้ฝ่ายเดียว หรือจะเป็นเพลงที่ร้องร่วมกันบนเวที ก็ได้คะ แนะนำให้ร้อง เป็นของขวัญช่วงที่กล่าวขอบคุณกันและกัน หรือ คู่ที่เขินมากๆ ให้ร้องหลังจากพิธีการบนเวทีจบไปพักนึงก่อนก็ได้คะ เพราะแขกผู้ใหญ่บางท่านจะกลับไปบ้างแล้ว จะเล่นจนจบเพลงคะ

ตัวอย่างเพลงที่ใช้ร้อง Surprise กันและกันของบ่าวสาว ได้แก่

เจ้าบ่าว มักจะเลือกเพลง ...

- เก็บดาว
- เพราะอะไร
- เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ
- ไม่ต้องมีคำบรรยาย
- ยอม
- รักคุณเข้าอีกแล้ว
- รักเดียวใจเดียว
- หยุดตรงนี้ที่เธอ
- เหมือนเคย
- Forever Love
- Through The Year

เจ้าสาว มักจะเลือกเพลง ...

- ขอเป็นคนของเธอ
- คำถาม
- ยอม
- รักยิ่งใหญ่จากชายคนหนึ่ง
- หนึ่งในไม่กี่คน
- Have I Told You Lately That I Love You
- Valentine

เจ้าบ่าว+เจ้าสาว มักจะเลือกเพลง ร้องคู่ ...

- ถ้าเธอพร้อม ฉันก็พร้อม
- เล็กๆน้อยๆ
- หากันจนเจอ
- Endless Love
- Everyday I Love You


7. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง ตัดเค้ก

ช่วงนี้ควรเลือกเป็นเพลงบรรเลง ไม่ควรใช้เพลงที่มีเนื้อร้อง เพราะจะดึงความสนใจจากแขกในงานได้ ซึ่งช่วงนี้จะเลือกเปิดจากแผ่นหรือใช้วงดนตรีก็ได้ แต่การเลือกใช้วงดนตรี นักดนตรีจะสามารถควบคุมการเริ่มและจบเพลงได้ดีกว่าเปิดจากแผ่น

หลังจากที่พิธีกรกล่าวเชิญบ่าวสาวตัดเค้ก แนะนำเป็นเพลงหวานๆ โรแมนติก เพลงที่ทั้งคู่ชอบ จะเล่นจนจบเพลงคะ (ประมาณ 3-5 นาที ขึ้นอยู่กับความยาวของบทเพลง) ส่วนใหญ่จะเลือกเพียงเพลงเดียว เพลงจะเริ่มขึ้น ตั้งแต่บ่าวสาวเดินไปตัดเค้ก และนำเค้กไปให้ผู้ใหญ่ตามโต๊ะ บางคู่ที่มีการเทแชมเปญด้วย อาจจะเตรียมเพลงไว้ 2 เพลงก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความยาวของพิธีการค่ะ

ตัวอย่างเพลงที่นิยมใช้ในช่วงตัดเค้ก ได้แก่

- Can You Feel The Love Tonight
- Canon In D
- Endless Love
- Forever In Love
- I Love You For Sentimental Reason
- If We Hold On Together
- Over The Rainbow
- Tonight I Celebrate My Love For You
- Valentine
- When We Make A Home
- Wonderful Tonight
- ความรัก
- คู่แท้
- บ้าน (Home)
- มหัศจรรย์แห่งรัก
- หนึ่งในไม่กี่คน
- หัวใจผูกกัน
- หากันจนเจอ


8. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง แจกเค้กให้ญาติผู้ใหญ่ และประธาน

ช่วงแจกเค้กจะเป็นอีกช่วงหนึ่งที่มักจะลืมเตรียมเพลงกันไว้ ทำให้แขกบางคนคิดว่างานจบแล้วหรืออาจทำให้แขกที่ไม่ได้รับแจกเค้กรู้สึกเบื่อได้ การมีเสียงเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลงบรรเลงหรือเพลงร้องจะช่วงให้แขกในงานมีชีวิตชีวามากขึ้น เพลงบรรเลงช่วงที่เชิญคุณพ่อคุณแม่ขึ้นเวทีหรือจะเป็นช่วงเดียวกับที่คู่บ่าวสาวนำเค้กแต่งงานไปมอบให้ และมี presentationภาพครอบครัว ประกอบด้วยก็ได้คะ

ตัวอย่างเพลงที่นิยมใช้ช่วงนี้ได้แก่
- อิ่มอุ่น
- ค่าน้ำนม
- ใครหนอ
- ขอบคุณ


9. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง ช่วงโยนดอกไม้

ในช่วงที่เจ้าสาวกำลังจะโยนช่อดอกไม้ นักดนตรีจะเล่นเพลงที่ช่วยให้ผู้มาร่วมรับช่อดอกไม้และแขกในงานรู้สึกสนุกได้ ถ้าในงานที่มีแต่เสียงพูดของพิธีกรแต่โดยไม่มีเสียงเพลง จะทำให้ผู้ที่ออกมารับช่อดอกไม้รู้สึกเขินหรืออาจไม่กล้าออกมาเลยก็ได้ นอกจากนี้นักดนตรียังสามารถเล่นเสียง Effect เมื่อดอกไม้ตกถึงมือผู้รับได้พอดี พร้อมกับช่วยเรียกเสียงปรบมือจากแขกในงาน ทำให้บรรยากาศในงานเกิดความสนุก ตื่นเต้น ไม่ทำให้แขกเกิดความรู้สึกว่าพิธีการขาดช่วง

เพลงที่นิยมใช้ช่วงโยนดอกไม้ ได้แก่

- Stupid Cupid
- Can't Take My Eyes Out Of You
- Can't Help Falling In Love (เล่นจังหวะ samba)
- Nobody
- Beautiful boy
- Wishin' and Hopin' จากหนังเรื่อง My Best Friend's Wedding
- เป็นโสดทำไม
- รักอยู่หนใด
- ฤดูรัก เพลงประกอบภาพยนต์ season changes
- เพลงเอิ้ว (เพลงประกอบภาพยนตร์30+โสด on sale)


10. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง หลังพิธีการ

หลังจากจบพิธีการต่างๆ ช่วงนี้วงดนตรีจะเล่นเพลงรักซึ้งๆต่อเนื่องกันไป แขกที่ต้องการจะกลับก็สามารถลุกออกไปโดยไม่เก้อเขิน แต่ถ้างานเงียบไปเลยแขกจะรู้สึกขัดเขินได้ ส่วนแขกที่ต้องการจะอยู่ฟังเพลงอีกสักพัก หรืออยู่เพื่อพูดคุยกันต่อก็จะไม่รู้สึกเบื่อ


11. เพลงและดนตรีประกอบในช่วง After Party (ถ้ามี)

ในปัจจุบันงานแต่งงานหลายๆ งานที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นคนสนุกสนานเพื่อนฝูงเยอะ หลังจากที่พิธีการต่างๆ จบลงแล้ว มักจะมีดนตรีสนุกๆ ให้เพื่อนๆ เจ้าบ่าวเจ้าสาวขาแดนซ์ได้ออกมาวาดลีลาลวดลายกันบนฟลอร์ เผลอๆ เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ลงมาร่วมวงแดนซ์กระจายเพิ่มความมันส์กับเค้าด้วยเหมือนกัน ซึ่งถ้าจะมี After Party แบบนี้เลือกใช้วงดนตรีแบบมีนักร้องจะดีกว่า แต่ก่อนอื่นคงต้องเช็กกันก่อนนิดนึง ว่าสถานที่จัดงานนั้นเสียงดังได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ไม่มีปัญหามาให้หมดสนุกทีหลัง


จากการได้รู้เรื่องของเพลงและดนตรีประกอบในแต่ละช่วงพิธีดังที่กล่าวมาแล้วนั้น คงพอจะช่วยให้ว่าที่คู่บ่าวสาวทั้งหลาย วางแผนการจัดการงานแต่งงาน และตัดสินใจเลือกใช้วงดนตรีหรือเพลงแบบไหนกันดี เพื่อให้งานแต่งงานของคุณเป็นงานที่สุดแสนประทับใจไม่ว่าจะเป็นตัวคุณเองหรือแขกเหรื่อในงานก็ตาม ขอให้โชคดีทุกคู่นะคะ


credit:
http://www.weddinginlove.com/
http://www.readyviva.com/
http://www.theweddinghome.com/
http://iamfreelance.exteen.com/

Sunday, March 18, 2012

มารยาทในการแต่งกาย เมื่อต้องเป็นส่วนหนึ่งของงานวิวาห์ (wedding attire etiquette)

ปัจจุบันงานวิวาห์ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับ ธีมงาน ความสนุกสนาน และองค์ประกอบของงานเลี้ยงให้สมบูรณ์แบบ น่าประทับใจ จนหลงลืมวัฒนธรรมด้านการแต่งกาย อันถูกต้องเหมาะสมในการมาร่วมงานวิวาห์ ไม่ว่าจะเป็นตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเอง หรือแขกที่มาร่วมงาน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่จะแต่งกายอย่างไรให้เหมาะสมกับการมาเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงาน

ในเรื่องนี้เราได้พี่อุ๋ย อภิชติ ชา-ติวานนท์ เจ้าของห้องเสื้อชื่อดัง “Peter kelly” ที่บ่าวสาวคนดังหลายคู่ต่างให้ความไว้วางใจในการออกแบบชุดแต่งงานที่เหมาะสม จะบอกเล่าถึงความถูกต้องในการแต่งกายเมื่อต้องเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงานให้เราได้เข้าใจอย่างถ่องแท้

การแต่งกายของบ่าวสาว

แรกทีเดียวคงต้องเริ่มจากการแต่งตัวของเจ้าบ่าวให้สมฐานะก่อน เพื่อไม่ให้ดูด้วยกว่าเจ้าสาว ที่มักจะพิถีพิถันเลือกชุดแต่งงานที่เหมาะสมมาใส่ในงานเลี้ยงอยู่แล้ว อย่างเจ้าสาวบางคนใส่ชุดแต่งงานเพื่อต้องการภาพลักษณ์ที่ดูเป็นเจ้าหญิง ถ้าเจ้าบ่าวเลือกสูทที่มันดูเชยๆ ไม่สมตัวมาใส่ แบบนี้เจ้าบ่าวก็จะดูด้อยกว่าเจ้าสาวมาก ดังนั้นควรใส่ใจที่จะขอคำปรึกษาจากดีไซเนอร์เพื่อให้ช่วยเลือกแบบชุดที่ดูเท่าเทียมกัน น่าจะเหมาะสมกว่าการคิดเองเลือกเอง

ที่สำคัญในการเลือกชุดแต่งงานของเจ้าบ่าว ก็ต้องเลือกให้เข้ากับบุคลิกของเจ้าบ่าวด้วย เช่น เจ้าบ่าวบางคนคิดว่าการสวมสูทสีขาวเพื่ออยากดูเท่ห์ ดูโก้หรู ซึ่งจริงๆ แล้ว สูทสีขาวนั้นไม่ได้เหมาะกับผู้ชายทุกคนนะครับ อย่างเจ้าบ่าวที่หน้าตาธรรมดาๆ ไม่มีจุดเด่นอะไร เช่น คิ้วไม่เข้ม ให้ใส่สูทสีขาวก็คงไม่เหมาะ หรือว่าเจ้าบ่าวทีรูปร่างเล็ก แนะนำให้เจ้าบ่าวใส่สีอ่อน แต่ถ้าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวรูปร่างเล็กทั้งคู่แนะนำให้เจ้าบ่าวใส่สีอ่อนเช่นกัน หรือจะใส่สีขาวก็ได้นะครับ ถ้าเจ้าบ่าวคิ้วเข้มพอ หรือในกรณีที่เจ้าวสาวผิวเข้มกว่าเจ้าวบ่าว ไม่แนะนำให้ใส่สีขาว แต่น่าจะเลือกสวมชุดสีเทาอมเบท ในกรณีที่เจ้าบ่าวตัวใหญ่กว่าเจ้าสาวมากๆ ก็ไม่แนะนำให้ใส่สีดำ เพราะอาจจะเผลอคิดไปว่าจะช่วยพรางรูปร่างได้ ควรเลือกชุดสูทสีเทาอมเบทแทน เพื่อที่จะให้การเลือกสีของเสื้อผ้าช่วยให้เกิดเฉดสีหรือการสร้างให้เกิดแสงเงาระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแทน

นอกจากนี้ถ้าเจ้าบ่าวตัวเล็กกว่าเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวเลือกสวมสูทสีเบท เทาอมเบท หรือสีอ่อนจะดีกว่า ส่วนเจ้าสาวให้สวมเสื้อแบบลดบ่าลงมาจะช่วยให้การแต่งตัวดูเท่าเทียมกันมากขึ้น อีกกรณีหนึ่งก็คือถ้าเจ้าบ่าวหล่อมากเกินปริมาณความสวยของเจ้าสาวล่ะก็ เจ้าบ่าวก็ควรให้เกียรติเจ้าสาวด้วยการไม่ใส่สูทสีขาว เพราะจะทำดูหล่อมากเกินไป และเจ้าสาวจะดูด้อยลงไปทันที ละถ้าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวตัวเท่าๆกัน สวยหล่อสมกันแบบนี้สวมดีอะไรก็ได้ครับ ไม่มีปัญหา

“นอกเหนือจากการเลือกชุดแต่งงานให้สมกับฐานะ และเลือกให้เข้ากับบุคลิกของตัวเองแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเลือกชุดแต่งงาน ก็คือ รูปแบบการแต่งงาน ถ้าเป็นงานแบบเอ้าท์ดอร์ (Outdoor) คู่บ่าวสาวก็ไม่ควรแต่งตัวที่ดูหรูหราจนเกินไปนัก ยกเว้นว่างานนั้นจะเลือกจัดเลี้ยงในแบบ Sit-down Dinner ที่ต้องการความหรูหราและเป็นทางการ หรือถ้าจะจัดงานเลี้ยงในห้องบอลรูม ก็ไม่ควรแต่งตัวที่มันดูสบายๆ จนเกินไปนัก เพราะจะไม่เข้ากับบรรยากาศของห้องจัดเลี้ยง

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ หากคุณเลือกจัดงานแบบเอ้าท์ดอร์ หรือจัดงานในห้องจัดเลี้ยงที่มีลักษณะซีทรู หรือแบบห้องที่มีกระจกใสๆ สามารถมองเห็นได้จากข้างนอกที่เป็นสวนละก็ ไม่ควรจะใส่ชุดแต่งงานที่เป็นสูทสีดำหรือเข้มๆ เพราะมันจะทำให้เห็นแต่หัวของเจ้าบ่าวลอยเด่นอยู่ ซึ่งจะให้ให้เสียบุคลิกและไม่โดดเด่น ดังนั้นคุณเจ้าบ่าวควรเลือกชุดสีอ่อน เพื่อให้ดูโดดเด่นและเป็นที่สังเกตเห็นได้ง่าย”

ดังนั้น การเลือกชุดแต่งงานสำหรับเจ้าบ่าว จึงมีข้อที่ควรคำนึงถึงอยู่ 3 ข้อใหญ่ด้วยกัน ก็คือ

1. ดูบุคลิกว่าเราเหมาะกับชุดแบบไหน สีอะไร

2. ดูว่าเราจัดงานที่ไหน เพื่อเลือกชุดให้เหมาะกับสถานที่นั้นๆ

3. รูปแบบงานเลี้ยงเพื่อจะได้ดูว่าชุดต้องดูหรูหราสง่างามแค่ไหน เพื่อให้เหมาะกับงานเลี้ยงมากที่สุด


“อยากให้เข้าใจว่า งานเลี้ยงฉลองแต่งงานเป็นงานที่สำคัญ เป็นงานที่ทุกคนต้องเข้าสังคม ดังนั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวควรแต่งกายเพื่อให้เกียรติตัวเอง และผู้ที่มาร่วมงานทุกคนให้มากที่สุด จึงถือว่าเป็นผู้ที่มีมารยาทในการแต่งกายเข้าสังคม”

การแต่งกายของครอบครัวฝ่ายเจ้าภาพ

“ในส่วนของพ่อแม่ญาติพี่น้องของบ่าวสาว ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายของเจ้าภาพ ก็ควรที่จะดูแล และใส่ใจ ในการเลือกเครื่องแต่งกาย หรือชุดที่จะสวมใส่ในงานวิวาห์ด้วย เพราะแขกที่มาร่วมงานจำนวนหนึ่ง ในนั้นคือคนที่คุณรู้จักจึงควรแต่งกายเพื่อให้เกียรติแก่แขก และคู่บ่าวสาว ดังนั้นควรแต่งกายให้ดูดีให้สมฐานะ สมหน้าสมตาบ่าวสาว จึงจะถือว่าเหมาะสม”

การแต่งกายของแขกที่มาร่วมงาน

“เมื่อคู่บ่าวสาว และเจ้าภาพของทั้งสองฝ่ายพิถีพิถันในการแต่งกาย เพื่อให้เกียริตกับแขกเหรื่อที่มาร่วมในงานเลี้ยงแล้ว แขกที่มาร่วมงานเอง ก็จะต้องแต่งกายให้เกียรติแก่คู่บ่าวสาวด้วยเช่นกัน ซึ่งคงต้องยอมรับว่าสังคมไทยเราได้รับเอาวัฒนธรรมฝรั่ง ในเรื่องของการแต่งงานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต จนปฏิบัติกันอย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพิธีการต่างๆ รูปแบบการตกแต่งงานเลี้ยง ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่เรากลับรับเอาวัฒนธรรมเหล่านั้นมาไม่ครบ เพราะเราไม่ได้รับเอาวัฒนธรรมส่วนที่ดีๆ ในเรื่องการแต่งกายมาด้วย

ที่บอกอย่างนั้นก็เพราะว่าจากประสบการณ์ของเรานั้นแขกที่มาร่วมงานมักจะไม่กล้าแต่งตัวเกินหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาว เพราะกลัวจะเด่นเกินไปบ้างหรือไปขโมยซีนเจ้าบ่าวเจ้าสาวบ้าง ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด ทำให้บางครั้งการเลือกเครื่องแต่งกายมาสวมใส่เพื่อไปร่วมงานแต่งงานมันจึงดูด้อยกว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวและสไตล์งานเลี้ยงที่ค่อนข้างหรูหรามาก เมื่อเกิดความรู้สึกอย่างนี้ขึ้น เราจึงควรพิจารณาถึงการแต่งกายของเราใหม่ให้เหมาะกับเวลาและสถานที่ เพราะตามวัฒนธรรมของฝรั่งเขาถือว่า เป็นการไม่ให้เกียรติเจ้าของงานแต่ง เพราะจะสังเกตว่าถ้าเป็นงานฉลองวิวาห์ของฝรั่งเข้าจะแต่งตัวกันเต็มที่ ชุดออกแบบอย่างดี ใช้ผ้าอย่าดี ตัดเย็บอย่างดีมาร่วมงาน เพราะเขาถือว่าการแต่งตัวดีเทียบเท่าเจ้าบ่าวเจ้าสาว คือการให้เกียรติแก่เจ้าภาพ และตัวของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเอง

“ในเรื่องของการแต่งตัวเพื่อออกงานสังคมนั้น เราอยากให้ทุกคนได้ไปศึกษาในวัฒนธรรม การเข้าสังคมหรือร่วมงานเลี้ยงของฝรั่งกันดู อาจจะดูจากภาพยนตร์ในช่วงปี 1945-1946 มาดู หรือดูจากแมกกาซีนฝรั่งก็ได้ ซึ่งจะพบว่าทุกคนที่มาร่วมงานจะแต่งตัวได้หรูหราเทียบเท่ากันทุกคน ซึ่งถือเป็นการแต่งกายที่เหมาะสมทั้งในเรื่องของเวลาและสถานที่ด้วย”

พี่อุ๋ยเสริมในตอนท้ายว่า “อยากให้คนไทยทุกคนศึกษาเรื่องการแต่งกายกันใหม่ ทุกวันนี้เราค่อนข้างหลงทางในเรื่องของการแต่งกายกันมาก อย่ามองว่าการแต่งกายที่ผิดมารยาทแบบเดิมๆ เป็นเรื่องที่ถูก ควรแต่งกายให้เกียรติสถานที่ และเจ้าภาพให้มาก เพราะเมื่อภาพรวมในเรื่องของการแต่งกายดูเหมาะสมแล้ว ภายในงานก็จะดูดี ดูสวยงามอย่างลงตัวด้วยครับ”

เมื่อเข้าใจแบบนี้แล้ว งานวิวาห์ที่แสนหรูหรา ก็คงจะมีแต่ภาพสวยๆของคนสวยๆ หล่อๆ ที่แต่งกายอย่างงดงาม มาร่วมงานให้สบายใจสบายตาอย่างแน่นอน


credit: นิตยสาร I DO PLUS

Wednesday, March 14, 2012

งานแต่งงานดาราสาว ปอย ปวีณา และ นักธุรกิจหนุ่ม คุ้ง ธเนศ ฉลองวิวาห์สุดหวาน!

งานแต่งงานดาราสาว ปอย ปวีณา และ นักธุรกิจหนุ่ม คุ้ง ธเนศ ฉลองวิวาห์สุดหวาน

อีกหนึ่งดาราสาวที่จูงมือแฟนหนุ่มเศรษฐีโคราชเข้าพิธีวิวาห์ไปเมื่อคืนที่ผ่านมา สำหรับเจ้าสาวคนล่าสุด ปอย ปวีณา ตันฑ์ศรีสุโรจน์ ดาราสาว และเจ้าบ่าวหนุ่มนักธุรกิจนอกวงการ คุ้ง ธเนศ ครบนพรัตน์ ที่จัดงานแต่งงานกันไปเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ทั้งคู่บ่มเพาะความรักกันมาเป็นเวลา 2 ปี


สำหรับงานวิวาห์สุดหวาน ครั้งนี้ จัดขึ้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าบ่าว ก่อนที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองอีกครั้งที่ จ.ตรัง ในวันที่ 16 มีนาคมนี้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าสาว ส่วนบรรยากาศภายในงานแต่งก็เป็นไปอย่างชื่นมื่น ท่ามกลางบรรดาเหล่านักแสดงจำนวนมากร่วมแสดงความยินดีกันอีกคับคั่งด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ คู่บ่าวสาวคู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันยังเปิดเผยให้ฟังด้วยว่า หลังงานแต่งเตรียมจะบินไปฮันนีมูนสุดสวีทกันที่อิตาลีซะด้วย และพร้อมมีทายาทตัวน้อยทันที




Monday, February 20, 2012

ช่อดอกไม้เจ้าสาวในงานแต่งงาน (Bridal Bouquet)

ช่อดอกไม้ ของเจ้าสาวในงานแต่งงาน หรือที่ฝรั่งเรียกว่า "Bridal Bouquet" นับเป็นสิ่งที่เจ้าสาวไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่เพิ่มเติมความสวยงามให้กับเจ้าสาวเวลาถ่ายรูปแล้ว ยังสร้างความรื่นเริงให้กับแขกในงานแต่งงานได้อีก นั่นก็คือ "การโยนช่อดอกไม้"

ช่อดอกไม้ จะทำหน้าที่คล้ายคำอวยพรต่อคู่บ่าวสาวเเละยังถูกส่งต่อไปถึงหญิง สาวที่ได้รับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวในช่วงท้ายพิธี ซึ่งจะเป็นการมอบความโชคดีในด้านความรักเเละการเเต่งงานให้กับเธอผู้นั้นทำ ให้การโยนช่อดอกไม้กลายเป็นไฮไลท์ที่เพิ่มสีสันให้กับพีธีเเต่งานได้ดีทีเดียว

ซึ่งหลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกับพีธีการโยนดอกไม้เจ้าสาว แต่ทราบมั้ยคะว่าเจ้าช่อดอกไม้เเสนสวยที่บรรดาสาวๆ คอยยื้อเเย่งกันนั้น มีที่มาเเละความหมายอย่างไร การจัดเเละคัดเลือกช่อดอกไม้เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรพิถีพิถันไม่น้อยไปกว่าการเลือกชุดเเต่งงานของเจ้าสาวเลยทีเดียว ช่อดอกไม้ของเจ้าสาวควรดูกลมกลืนกับชุดเจ้าสาว เพื่อที่จะไม่ดึงความสนใจไปมากนัก ลักษณะการจัดช่อมีทั้งทรงกลมเเละทรงบาง ขนาดของช่อดอกไม้ไม่ใหญ่ หรือเล็กจนเกินไป เมื่อเทียบกับขนาดตัวเเละรูปร่างของเจ้าสาว เเละหากเป็นไปได้ควรเข้ากันกับสไตล์ชุดเจ้าสาว เเละธีมโดยรวมของงาน ไม่ใช่งานแต่งงานธีมสีฟ้าขาว แต่เลือกช่อดอกไม้สีแดงสดก็ดูขัดตาไปนิด เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าช่อดอกไม้โดดเด่นกว่าตัวเจ้าสาว ทางที่ดีเลือกช่อดอกไม้ที่มีสีสันสดใสพอประมาณจะดีกว่าค่ะ

ทั้งนี้ หากชุดเจ้าสาวมีรายละเอียดมากพอแล้ว ให้เลือกช่อดอกไม้สีเรียบๆ แต่ถ้าชุดเป็นแบบเรียบง่าย ไม่มีรายละเอียดมากนัก ก็ควรเลือกช่อดอกไม้ที่มีดีไซน์เก๋ๆ เพราะช่วยส่งให้ชุดเจ้าสาวดูเด่นน่ามองขึ้น ซึ่งดอกไม้เเต่ละชนิดที่นิยมถูกเลือกใช้นั้น มีความหมายที่แตกต่างกันออกไปดังนี้ค่ะ


ดอกกุหลาบ (Rose Flowers)
ดอกไม้ที่เป็นตัวเเทนของความรัก เเละใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด ช่อดอกกุหลาบในมือของเจ้าสาวสื่อความหมายถึงความรักอันโรแมนติก ความสวยงาม เสน่ห์ดึงดูด เเละรักแท้ระหว่างคู่บ่าวสาว


ดอกลิลลี่ ออฟ เดอะวาลเลย์ (Lily of the Valley Flowers)
ลักษณะคล้ายรูประฆังโบสถ์ เป็นดอกไม้อีกชนิดที่เป็นที่นิยม เพราะสามารถเข้ากันได้ดีกับชุดเจ้าสาว ด้วยสีที่ขาวสะอาดบริสุทธ์ ซึ่งสื่อความหมายได้ถึงความสุขของเจ้าสาวและเส้นทางที่จะนำไป พบความสุขเหมือนดังได้อยู่บนสรวงสวรรค์


ดอกคาลล่าลิลลี่ (Calla Lily Flowers)
ลักษณะคล้ายทรัมเป็ต สื่อถึงความหรูหรา สง่างามของเจ้าสาว ซึ่งจะโดดเด่นตราตรึงอยู่ในใจของเจ้าบ่าวตลอดไป


ดอกทิวลิป (Tulip Flowers)
เป็นตัวแทนของความรักที่เต็มเปี่ยมระหว่างคู่สมรสและเเทนความสุขสดใหม่ของความรักตลอดไป


ดอกเรนันคูลัส (Ranunculus Flowers)
ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกับดอกกุหลาบ แต่จะมีกลีบดอกสั้นเเละซ้อนตัวกันหนาเเน่นกว่าดอกกุหลาบ หมายถึง การตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้งของคู้บ่าวสาว
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...