(How to Know If A Diamond Is Fake or Real!)
การดูว่าเพชรแท้หรือเพชรเทียมต้องอาศัยประสบการณ์พอสมควรครับ เพชรเทียมคือเพชรที่ทำขึ้นมาเลียนแบบเพชรแท้ คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ จะแตกต่างจากเพชรแท้ ซึ่งมีหลากหลายชนิดด้วยกัน ที่พบมากจะเป็น “เพชรรัสเซีย” Synthetic Cubic Zirconia (CZ) ส่วนเพชรเทียมอื่นๆก็มีอีกหลายตัว เช่น Synthetic moissanite (เพชรโมอิส) เป็นต้น
ก่อนอื่นต้องมี “Loupe” ที่มีกำลังขยาย 10 เท่า เป็นอุปกรณ์ในการดูครับ หรือจะใช้กล้องส่องพระดูแทนไปก่อนก็พอใช้ได้
1. เหลี่ยมของเพชร เพชรแท้เหลี่ยมจะคมชัดเนื่องจากเพชรเป็นแร่ที่แข็งที่สุด ส่วนเพชรเทียมเหลี่ยมมักไม่คมชัด
2. ตำหนิภายใน เพชรแท้ส่วนใหญ่มักมีตำหนิธรรมชาติอยู่ภายใน บางเม็ดอาจสังเกตเห็นได้ยาก แต่บางเม็ดก็อาจสังเกตเห็นได้ง่าย
3. มองทะลุ วางเพชรหรือเพชรเลียนแบบ ที่ต้องการทดสอบบนเส้นตรง หรือตัวหนังสือสีดำ แล้วมองผ่านจากด้านบนของเพชร เพชรแท้ จะไม่สามารถมองทะลุเห็นเส้นดำข้างใต้ได้ ขณะที่เพชรเลียนแบบสามารถมองเห็นได้
4. รอยแตก หากเป็นตำหนิแตกของเพชร จะแตกเป็นรูปเปลือกไม้ คือ ร่นลงมาเรื่อยๆ เป็นขั้นบันได แต่หากเป็นวัสดุอื่น ส่วนใหญ่เมื่อแตกจะเป็นรอยเว้า
5. ใช้เครื่องมือ เครื่องมือนี้ใช้หลักการนำความร้อน เพราะเพชรเป็นสารที่นำความร้อนได้ดีกว่าพลอยชนิดอื่น ที่นำมาเลียนแบบจึงนำเครื่องนี้มาใช้แยกเพชรได้ เพียงแค่ใช้ปลายเข็มทองแดงจี้กดลงบนหน้าเพชร กระแสไฟฟ้าจะผ่านจากปลายเข็มไปที่เพชร เพชรจริงเข็มวัดจะเคลื่อนไปที่ส่วนของ ไดมอน (Diamond) แต่ถ้าเป็นเพชรปลอมเข็มจะเคลื่อนที่ไปไม่ถึง
ในการแยกแยะเพชรว่าเป็น เพชร หรือ เพชรเลียน แบบนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความชำนาญ หากท่านไม่แน่ใจ สามารถนำเพชรไปขอออก ใบรับรอง(Certificate) จากสถาบันรับรองต่างๆได้
เพชรสังเคราะห์ (ที่มนุษย์ทำขึ้นมา) มีหลายชนิด
1. เพชรรัสเซีย (Synthetic Cubic Zirconia) เป็นพลอยสังเคราะห์ที่นิยมมากที่สด ในการเลียนแบบเพชรแท้ วิธีแยกพลอยชนิดนี้ออกจากเพชรคือใช้เครื่องจี้เพชรจี้ดูเนื่องจากพลอยชนิดนี้ไม่มีคุณสมบัติในการนำความร้อนเหมือนกับเพชร
2. เพชรโมอีส (Moissanite) เป็นพลอยสังเคราะห์ที่น่ากลัวที่สุด มีลักษณะทางกายภาพ คล้ายกับเพชรมากที่สุดในขณะนี้ เครื่องจี้เพชรที่อาศัยการนำความร้อนใช้แยกไม่ได้ เพราะโมอีส ก็มีคุณสมบัตินำความร้อนได้เหมือนกัน แต่ก็มีบริษัทฯ หนึ่งได้คิดค้นเครื่องจี้เพื่อแยกโมอีสนี้ให้ออกจากเพชรได้ ข้อสังเกตุโมอีสจะมีค่าการกระจายแสงสูงกว่าเพชร จึงมีสีรุ้งแตกออกมามากกว่า
วิธีสังเกต : ขอบของโมอีส มักพบเส้นเข็ม เช่นเดียวกันหากมองจากด้านหน้ามักพบตำหนิรูปแท่งคล้ายเส้นเข็ม
3. รูทิลสังเคราะห์ (Synthetic Rutile) มีสีรุ้งมากเนื่องจากการกระจายแสงสูง สีมักจะติดเหลืองเสมอ
4. จีจีจี (G.G.G) เป็นพลอยสังเคราะห์ที่มีการกระจายแสงใกล้เคียงกับเพชร แต่ถ้ามีขนาดเท่ากัน เพชรจะมีน้ำหนักเบากว่ามาก เพราะจีจีจีมีความความถ่วงจำเพาะสูงมาก มักไม่พบในปัจจุบัน
5. แย็ก (Y.A.G) เป็นพลอยสังเคราะห์ที่มีการกระจายแสงต่ำกว่าเพชรมาก
ชนิดของพลอยใสต่างๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับเพชร
1. เพทาย (Zircon) เป็นพลอยธรรมชาติที่ใช้เลียนแบบเพชรมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตามปกติเพทายมีได้หลายสี รวมทั้งเม็ดที่ใส ไม่มีสีที่มีประกายคล้ายเพชร ข้อสังเกตุขณะที่เม็ดเท่า ๆ กัน เพทายจะมีน้ำหนักมากกว่า มีตำหนิในเนื้อแตกต่างจากเพชร คือมีเส้นคู่ เพราะเพทายเป็นพลอยหักเหคู่ ในขณะที่เพชรหักเหเดี่ยว
2. ซัฟไฟร์สีใส (White Sapphire) เป็นพลอยธรรมชาติ วิธีแยกจากเพชร คือดูจากการเล่นไฟ เมื่อแสงที่สะท้อนจากเพชรจะเกิดสีรุ้ง คือสะท้อน เป็น 7 สี ในขณะที่ซัฟไฟร์สีใส จะสะท้อนสีรุ้งได้น้อยมาก
info credit: www.savanyadiamond.com