นักจัดดอกไม้ได้เห็นพ้องต้องกันว่า การจัดดอกไม้ในงานแต่งงานไม่ได้ยึดถือเรื่องเทรนด์เป็นสำคัญ ขึ้นอยู่กับฤดูกาลของดอกไม้และความชอบของคู่บ่าว-สาวมากกว่า ดังนั้นก่อนจะไปพบนักจัดดอกไม้ คุณควรทำการบ้านโดยการพูดคุยตกลงกันว่าด้วยประเด็นต่างๆดังต่อไปนี้
1. ต้องมีคอนเซ็ปต์ชัดเจนในใจ ว่าจะจัดงานแต่งงานแบบไหน ชอบดอกไม้โทนสีอะไร สไตล์ไหน ทุกวันนี้คนนิยมจัดดอกไม้โทนสีขาว-เขียว เพราะเป็นสีที่ปลอดภัยหายห่วง ดูเรียบร้อยและโก้หรู แต่เวลาถ่ายรูปออกมาสีอาจจืดชืดไป ถ้าคุณชอบสีสันสดใส แนะนำให้ลองจัดธีมสีแดง-ชมพู หรือสีเหลือง-ส้ม โทนสีเหล่านี้มีดอกไม้ให้เลือกใช้ได้มากมายหลายชนิด
เมื่อเห็นพ้องต้องกันแล้ว อย่าลืมถามความเห็นชอบของครอบครัวด้วย โดยเฉพาะญาติผู้ใหญ่ที่ช่วยซัพพอร์ทงบประมาณการจัดงานแต่งงานให้คุณ หากขัดแย้งกันควรพูดคุยให้เข้าใจ ดีกว่าต้องมารื้อหน้างาน เพราะจะเป็นเรื่องวุ่นวายมาก
2. หาสถานที่จัดงานให้เรียบร้อยเสียก่อน คอนเซ็ปต์ของดอกไม้ที่คุณคิดไว้ควรไปกันได้กับสไตล์ของห้องที่จะจัดงาน เช่น ถ้าห้องหรูหรา ใหญ่โต แต่อยากจัดดอกไม้สไตล์มินิมัลลิสม์คงไม่เหมาะ เพราะดอกไม้จะจมหายไปทันที
3. ตั้งงบประมาณ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ความสำคัญกับดอกไม้ในงานแต่งงานมากแค่ไหน นักจัดดอกไม้ส่วนใหญ่ชอบให้ลูกค้าบอกงบประมาณในใจมาก่อน เพราะจะทำงานได้ง่ายขึ้น รู้ว่าควรจะครีเอทมากแค่ไหน เพราะถ้าให้คิดไปก่อนโดยไม่บอกงบประมาณ บางคนอาจมีไอเดียบรรเจิด อยากสร้างสรรค์งานของคุณให้สวยที่สุด แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เพราะติดเรื่องงบประมาณ ทำให้เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย
เมื่อทราบงบประมาณคร่าวๆ นักจัดดอกไม้จะดีไซน์การจัดดอกไม้เลือกชนิดของดอกไม้ที่จะใช้ แล้วกลับมาคุยกันอีกครั้ง หากคุณชอบใจและตกลงราคากันได้ จะต้องเตรียมสตางค์ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานล่วงหน้าด้วย จำนวนเงินจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่จะตกลงกัน
4. ควรมีเวลาเตรียมงานล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน เพราะนักจัดดอกไม้จะต้องไปดูขนาดห้องที่จะจัดงานเพื่อออกแบบและคิดคำนวนว่า จะต้องใช้ดอกไม้มากน้อยแค่ไหนถึงกำลังสวย แล้วจึงสั่งดอกไม้ ดอกไม้บางชนิดต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แล้วยังต้องเตรียมงานโครงสร้างต่างๆ เช่น โครงเหล็กซุ้มประตู ทำ backdrop หรือฉากหลังไว้สำหรับถ่ายรูป
credit: http://www.readyviva.com/